ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (18 ก.ค.) เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มชิปออกมา ซึ่งบดบังการเปิดเผยรายงานผลประกอบการเชิงบวกของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนประเมินการตัดสินใจล่าสุดของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 514.01 จุด ลดลง 0.82 จุด หรือ -0.16%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,586.55 จุด เพิ่มขึ้น 15.74 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,354.76 จุด ลดลง 82.54 จุด หรือ -0.45% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,204.89 จุด เพิ่มขึ้น 17.43 จุด หรือ +0.21%
ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีตามการคาดการณ์ของตลาด โดยตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ระดับ 3.75% ขณะที่ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 4.50% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 4.25%
ECB ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจอย่างไรในการประชุมเดือนก.ย. ขณะที่ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนและคาดว่าเงินเฟ้อยังคงลดลง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงปรับตัวลง ขณะที่ยูโรอ่อนค่า 0.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยร่วงลง 1.8% เนื่องจากหุ้นชิป อาทิ เอเอสเอ็มแอล, เอเอสเอ็ม อินเทอร์เนชันแนล และบีอี เซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวลง
หุ้นชิปทั่วโลกเผชิญแรงกดดันตั้งแต่วันพุธหลังมีรายงานระบุว่า สหรัฐได้แจ้งกับบรรดาพันธมิตรว่ากำลังพิจารณาที่จะใช้ข้อจำกัดทางการค้าที่รุนแรงที่สุดในการสกัดกั้นจีนในการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตชิป
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่ง 1.2% สวนทางตลาด เนื่องจากหุ้นวอลโว่ คาร์สของสวีเดน พุ่ง 11% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 สูงกว่าคาด
แต่หุ้นโนเกียของฟินแลนด์ ร่วงลง 5% หลังรายงานผลกำไรรายไตรมาส ร่วงลง 32%