ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก ขานรับ "ไบเดน" ถอนตัวชิงเก้าอี้ปธน.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 22, 2024 18:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ (22 ก.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศถอนตัวจากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567

ณ เวลา 18.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 60 จุด หรือ +0.15% สู่ระดับ 40,622 จุด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ไบเดนประกาศถอนตัวจากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ และประกาศสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีนี้ แข่งกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ต่างปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนเปิดตลาด นำโดย Meta Platforms , Alphabet และ Apple ที่ปรับตัวขึ้น 0.5%-0.8%

ขณะเดียวกัน หุ้นที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็น Trump Media & Technology Group และบริษัทซอฟต์แวร์ Phunware ก็พุ่งขึ้นในช่วงก่อนเปิดตลาด 2.8% และ 1.4% ตามลำดับ

ด้านพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่วนใหญ่ รวมถึงพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง

การถอนตัวของไบเดนอาจทำให้นักลงทุนต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์การซื้อขาย เพราะเดิมทีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า หากพรรครีพับลิกันชนะเลือกตั้ง ก็อาจนำไปสู่ภาระทางการคลังของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ตลาดอาจได้ประโยชน์หากรัฐบาลชุดใหม่มีแนวโน้มจะครองเสียงข้างมากได้แค่สภาเดียว

พอล แอชเวิร์ธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือของ Capital Economics กล่าวว่า "ทรัมป์ยังคงเป็นตัวเต็งที่จะชนะการเลือกตั้ง แต่โอกาสชนะของเขาลดลงเล็กน้อยเมื่อต้องเจอกับแฮร์ริส เทียบกับตอนที่เจอกับไบเดน"

"แฮร์ริสมีโอกาสที่จะได้พิสูจน์ตัวเองต่อชาวอเมริกันในการโต้วาทีประธานาธิบดีครั้งที่สอง ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 10 ก.ย.นี้ แต่ทีมหาเสียงของทรัมป์อาจให้เขาไม่ไปดีเบต หากไม่อยากให้เขาเผชิญหน้ากับอดีตอัยการคนนี้"

สัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างจับตาผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Alphabet และ Tesla เพื่อประเมินว่าราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงหลังนี้จะสามารถคงโมเมนตัมต่อไปได้หรือไม่

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคอยติดตามข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็นดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ และ GDP ไตรมาส 2/2567 (ประมาณการเบื้องต้น) ของสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด

เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และปรับลดลงอีก 2 ครั้ง ภายในสิ้นปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ