ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (25 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทในหลายกลุ่ม อาทิ เทคโนโลยีและสินค้าหรูหรา นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันมากขึ้นจากการที่นักลงทุนทั่วโลกพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ พันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 508.63 จุด ลดลง 3.67 จุด หรือ -0.72%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,427.02 จุด ลดลง 86.71 จุด หรือ -1.15%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,298.72 จุด ลดลง 88.74 จุด หรือ -0.48% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,186.35 จุด เพิ่มขึ้น 32.66 จุด หรือ +0.40%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือนในระหว่างวันก่อนปิดตลาดฟื้นตัวขึ้นบางส่วน
หุ้นกลุ่มสื่อร่วงลง 3% โดยถูกกดดันจากการที่หุ้นยูนิเวอร์แซล มิวสิก กรุ๊ป ร่วงลง 23.5% หลังรายงานรายได้จากบริการสตรีมมิงและการเป็นสมาชิกต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วง 2.8% โดยหุ้นบีอี เซมิคอนดักเตอร์ อินดัสทรีส์ของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลง 14% หลังคาดการณ์ยอดขายไตรมาส 3 ทรงตัว ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้
หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ร่วง 13.7% หลังปรับลดคาดการณ์รายได้และผลกำไรเป็นครั้งที่ 2
หุ้นเอเอสเอ็มไอและหุ้นเอเอสเอ็มแอล ร่วงลงด้วยประมาณ 4%
การเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐถ่วงตลาดลงด้วย
หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 1.7% โดยถูกถ่วงลงจากการที่หุ้นสเตลแลนทิส ดิ่งลง 8.7% หลังเปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกต่ำกว่าคาด
ดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทสินค้าหรูหราของยุโรปรายใหญ่ที่สุด 10 แห่งร่วงลงราว 1.7% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
นักลงทุนจำนวนมากได้พากันเข้าซื้อพันธบัตรระยะสั้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงน้อยกว่าหุ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 2 ปีลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
ผลสำรวจผู้จัดการราว 9,000 คนบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นในธุรกิจของเยอรมนีลดลงเกินคาดในเดือนก.ค.ท่ามกลางมุมมองเชิงลบมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนี