ดัชนีดาวโจนส์เปิดบวกในวันนี้ (29 ก.ค.) หลังจากตลาดร่วงหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยนักลงทุนจับตาเหตุการณ์สำคัญตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ตั้งแต่การประกาศมติดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ และตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เปิดตลาดที่ระดับ 40,665.71 จุด บวก 76.37 จุด หรือ +0.19%
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของวอลล์สตรีท ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, Meta, Apple และ Amazon.com จะทยอยประกาศผลประกอบการรอบใหม่ เริ่มตั้งแต่วันอังคารนี้เป็นต้นไป (30 ก.ค.)
นักลงทุนต่างจับตามองหาเหตุผลสนับสนุนมูลค่าหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นของบริษัทเหล่านี้ รวมถึงสัญญาณบ่งชี้ว่าการเติบโตของหุ้นที่ได้แรงหนุนจาก AI นั้นจะยังมีโอกาสขยายตัวต่อไปได้อีกหรือไม่
หลังจากที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการครอบงำตลาดของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ได้ผลักดันให้นักลงทุนบางส่วนเทขายหุ้นกลุ่มนี้ แล้วหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่น เช่น หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งคาดว่าจะได้อานิสงส์จากสภาวะดอกเบี้ยต่ำ
ตอนนี้นักลงทุนต่างลุ้นว่าเฟดจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย.ผ่านการประชุมนโยบายวันพุธนี้ (31 ก.ค.) หรือไม่ แต่ถ้าหากเจ้าหน้าที่เฟดออกมาพูดในแนวคุมเข้มทางการเงิน ก็อาจทำให้ตลาดหุ้นเจอแรงเทขายอีกระลอก
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักประมาณ 88% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับเกือบ 60% เมื่อเดือนที่แล้ว
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการในสัปดาห์นี้ อาทิ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มคลายตัวลงบ้างหรือไม่