ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (30 ก.ค.) แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทผลิตชิปและบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์และแอปเปิ้ล ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,743.33 จุด เพิ่มขึ้น 203.40 จุด หรือ +0.50%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,436.44 จุด ลดลง 27.10 จุด หรือ -0.50% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,147.42 จุด ลดลง 222.78 จุด หรือ -1.28%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.54% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.19% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 2.2%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.143% เมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ (31 ก.ค.) โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ และคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดลบเนื่องจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัทผลิตชิป โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.89% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ขณะที่หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ปรับตัวลง 0.54% และหุ้นอะเมซอนปรับตัวลง 0.81% ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
หุ้นอินวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลงกว่า 7% และได้ฉุดดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ร่วงลง 3.88%
หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ดิ่งลง 4.84% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้อยู่ที่ 2.053 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.074 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 9.8% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2567
หุ้นคราวด์สไตรค์ (Crowdstrike) ซึ่งเป็นบริษัทดูแลความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ร่วงลง 9.7% หลังจากมีรายงานว่าสายการบินเดลตาแอร์ไลน์เตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัทคราวด์สไตรค์และไมโครซอฟท์ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์ระบบล่มครั้งใหญ่เมื่อต้นเดือนนี้ ซึ่งส่งผลให้คอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องทั่วโลกประสบปัญหาขัดข้อง รวมถึงทำให้เดลตาต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายพันเที่ยว
สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่าตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 46,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.18 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 8.23 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ดี ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเดือนมิ.ย.อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 8.0 ล้านตำแหน่ง
ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. จากระดับ 206,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนก.ค.