ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนประเมินข่าวธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตที่หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 38,369.54 จุด ลดลง 156.41 จุด หรือ -0.41% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,326.58 จุด เพิ่มขึ้น 323.67 จุด หรือ +1.90% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,930.80 จุด เพิ่มขึ้น 51.50 จุด หรือ +1.79%
ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.58% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.30%
คณะกรรมการ BOJ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 0%-0.1% นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ตัดสินใจปรับลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นรายเดือนลงสู่ระดับ 3 ล้านล้านเยน (2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในสิ้นปี 2569 จากระดับ 6 ล้านล้านเยน
ทั้งนี้ BOJ คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด จะอยู่ที่ระดับ 2.5% ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2567 และคาดว่าจะอยู่ที่ระดับราว 2% ในปีงบประมาณ 2568 และ 2569
นอกจากนี้ BOJ ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก และจะปรับระดับการผ่อนคลายทางการเงิน โดยการดำเนินการดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานที่ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นไปตามคาด
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค.หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เนื่องจากวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์และตลาดแรงงานที่ไร้เสถียรภาพยังคงฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ NBS ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.4 จากระดับ 49.5 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค.ของจีนอยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 49.3
นอกจากนี้ NBS เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ค.ชะลอตัวลงสู่ระดับ 50.2 จากระดับ 50.5 ในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ภาคบริการอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัว