ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (31 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ รวมถึงการเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการเชิงบวกของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะประกาศหลังจากปิดตลาดลอนดอนไปแล้ว
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,367.98 จุด เพิ่มขึ้น 93.57 จุด หรือ +1.13%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.3% หลังจากร่วงลงในวันอังคาร
หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1.6% และ 2.7% ตามลำดับ หลังจากการสังหารผู้นำกลุ่มฮามาสทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง และทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์/บาร์เรล
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรม พุ่งขึ้น 2.7% เนื่องจากราคาโลหะพื้นฐานส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 2.0% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2561 ขณะที่หุ้นเอชเอสบีซี พุ่งขึ้น 4% หลังประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ และรายงานผลกำไรช่วงครึ่งปีแรกสูงกว่าคาด
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ผลการประชุมเฟดซึ่งจะประกาศหลังจากปิดตลาดลอนดอนไปแล้ว โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งตลาดคาดว่ามีโอกาสมากกว่า 58% ที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐในวันศุกร์นี้ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ