ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุด โดยดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงหลุดระดับ 4.1% ขานรับผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดวานนี้
ณ เวลา 20.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,026.49 จุด บวก 183.70 จุด หรือ 0.45%
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวเกือบ 100 จุดวานนี้ ขานรับถ้อยแถลงของนายพาวเวลที่ระบุว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเงินเฟ้อชะลอตัวลงตามคาด
นักวิเคราะห์จาก Glenmede คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มต้นจากเดือนก.ย. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ย., พ.ย. และธ.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. โดยให้น้ำหนัก 86.5% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และให้น้ำหนัก 13.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนให้น้ำหนัก 64.3% และ 63.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ย.และธ.ค.
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2566 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 236,000 ราย
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 33,000 ราย สู่ระดับ 1.88 ล้านราย และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.86 ล้านราย
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. จากระดับ 206,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1%