ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าร่วงลงในวันนี้ (5 ส.ค.) โดยมีบางช่วงดิ่งลงไปกว่า 6% เนื่องจากข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มส่งออก หลังจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียวช่วงเช้านี้ โดยดอลลาร์ดิ่งลงแตะกรอบบนของระดับ 144 เยนซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนในช่วงสั้น ๆ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 34,247.56 จุด ร่วงลง 1,662.14 จุด หรือ -4.63%
หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคาร กลุ่มประกันภัย และกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์
ก่อนปิดภาคเช้า ดัชนีนิกเกอิร่วงหลุดระดับ 34,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. โดยในช่วงหนึ่ง ดัชนีร่วงลงไปกว่า 2,500 จุด
สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%
ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญภาวะถดถอย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ มากิ ซาวาดะ นักกลยุทธ์ในแผนกเนื้อหาการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์โนมูระกล่าวว่า หุ้นกลุ่มบริษัทส่งออก เช่น กลุ่มยานยนต์และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ดิ่งลง สืบเนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเซอร์ไพรส์ตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงการคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งภายในปีนี้
ทั้งนี้ เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้กำไรจากต่างประเทศของบริษัทส่งออกลดลงเมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินเยน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า กระแสความกังวลในตลาดพุ่งสูงขึ้น หลังดัชนี Nasdaq และดัชนีหลักของกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ (2 ส.ค.) ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นเทคโนโลยีกันอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ซาวาดะมองว่าตลาดอาจตอบสนองรุนแรงเกินไป และตัวชี้วัดปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่าตลาดอาจเทขายมากเกินควร "นิกเกอิอาจแตะจุดต่ำสุดแล้วดีดตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ"