ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (7 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มธนาคาร
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 495.96 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด หรือ +1.54%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,266.01 จุด เพิ่มขึ้น 135.97 จุด หรือ +1.91%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,615.15 จุด เพิ่มขึ้น 260.83 จุด หรือ +1.50% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,166.88 จุด เพิ่มขึ้น 140.19 จุด หรือ +1.75%
ดัชนีความวิตก (volatility index) ของตลาดหุ้นยุโรป ร่วงลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 2.7% โดยปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี หลังร่วงลง 11% ในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา
หุ้นธนาคารเอบีเอ็น แอมโรของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 5.6% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้จากอัตราดอกเบี้ยสุทธิทั้งปี
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่นายโอลลี่ เรห์น ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจดำเนินต่อไปได้ หากมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้เกี่ยวกับการชะลอเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.
หุ้นจัสต์ อีต เทคอะเวย์ บริษัทรับส่งอาหารของเนเธอร์แลนด์ พุ่ง 13% หลังเจพีมอร์แกนปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนจาก คงน้ำหนักการลงทุน เป็น เพิ่มน้ำหนักการลงทุน
อย่างไรก็ตาม หุ้นโนโว นอร์ดิสค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของเดนมาร์ก ร่วงลง 6.7% สวนทางตลาด หลังบริษัทเปิดเผยแนวโน้มผลกำไรที่น่าผิดหวัง และยอดขายยาลดน้ำหนัก Wegovy ที่ต่ำกว่าคาด
หุ้นเมอร์สค์ ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือของเดนมาร์ก ร่วง 2.3% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า การใช้จ่ายทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยลบประการหนึ่ง และคาดว่าการขยายตัวของการเดินเรือทั่วโลกจะชะลอลงจากระดับที่แข็งแกร่งในช่วงต้นปีนี้