ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี (15 ส.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภค และช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,563.06 จุด เพิ่มขึ้น 554.67 จุด หรือ +1.39%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,543.22 จุด เพิ่มขึ้น 88.01 จุด หรือ +1.61% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,594.50 จุด เพิ่มขึ้น 401.89 จุด หรือ +2.34%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งฟื้นตัวหลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดค้าปลีกเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 236,000 ราย
ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเริ่มฟื้นตัว และการชะลอตัวของจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน โดยข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 76.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 65% ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว และให้น้ำหนักเพียง 23.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 36.0% ก่อนการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยพุ่งขึ้น 3.38% และ 2.54% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.34% และ 0.02% ตามลำดับ
หุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.58% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2567 และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2567 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มคาดการณ์ครั้งที่ 2 ในปีนี้
ส่วนหุ้นทาร์เก็ต และหุ้นคอสต์โค ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกคู่แข่งของวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 4.35% และ 1.69% ตามลำดับ
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์เครือข่ายของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.8% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 1/2568 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และประกาศปลดพนักงานในอัตราส่วน 7% ของการจ้างงานทั่วโลก เนื่องจากบริษัทจะหันไปให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความปลอดภัยทางไซเบอร์
หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังจากมีรายงานว่านายวิลเลียม แอคแมน มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังได้เข้าซื้อหุ้นล็อตใหม่ในบริษัทไนกี้
นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 22-24 ส.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยการประชุมจะจัดขึ้นในหัวข้อ "Reassessing the Effectiveness and Transmission of Monetary Policy"