ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด ใกล้ทะลุแนว 41,000 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บนเวทีการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในคืนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวันนี้
ณ เวลา 20.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 40,932.39 จุด บวก 219.61 จุด หรือ 0.54%
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ร่วงลงเกือบ 4% ในวันนี้ บ่งชี้ว่านักลงทุนคลายความกังวลก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวลในคืนนี้
ทั้งนี้ ดัขนี VIX อยู่ต่ำกว่าระดับ 20 ในวันนี้ บ่งชี้ว่านักลงทุนพร้อมเปิดรับความเสี่ยง ส่วนดัชนี VIX ซึ่งอยู่เหนือระดับ 20 บ่งชี้ถึงความวิตกของนักลงทุน และความไม่แน่นอนในตลาด
ดัชนี VIX พุ่งแตะระดับ 65 จุดเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย
ก่อนหน้านี้ นายพาวเวลได้เคยกล่าวอย่างชัดเจนในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ว่า เฟดพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หากข้อมูลที่ได้รับมาทำให้เฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลง
นักวิเคราะห์คาดว่าถ้อยแถลงของนายพาวเวลในคืนนี้จะเป็นบวกต่อตลาด หลังจากที่นักลงทุนพากันตื่นตระหนกจากการกล่าวสุนทรพจน์ของนายพาวเวลที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปี 2565 และ 2566
โดยในการประชุมปี 2565 นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมาย 2% พร้อมกับเตือนว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนในปี 2566 นายพาวเวลย้ำเตือนว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงเกินไป
ขณะเดียวกัน FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งที่เหลือในปีนี้ ในเดือนก.ย.,พ.ย.และธ.ค.
ทั้งนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. โดยแบ่งเป็นให้น้ำหนัก 73.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% และให้น้ำหนัก 26.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00%
ส่วนในการประชุมเดือนพ.ย. นักลงทุนให้น้ำหนัก 51.0% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00%
นอกจากนี้ ในการประชุมเดือนธ.ค. นักลงทุนให้น้ำหนัก 44.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50%