ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวก ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด รวมทั้งการที่ผู้บริโภคลดคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะ 1 ปีข้างหน้า
ณ เวลา 22.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,248.08 จุด บวก 7.56 จุด หรือ 0.02% หลังปรับตัวลงในช่วงแรก
ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.3 ในเดือนส.ค. จากระดับ 101.9 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100.3
ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคลดคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 12 เดือนข้างหน้าสู่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค ความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้บวก 65.44 จุด หรือ 0.16% สู่ระดับ 41,240.52 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของบริษัท Nvidia ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นมาตรวัดผลงานของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี และแนวโน้มของธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI)
นอกจากนี้ ตลาดจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% เช่นกันในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. จากระดับ 0.1% ในเดือนมิ.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.6% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนมิ.ย.