ดาวโจนส์พุ่งกว่า 400 จุดทำนิวไฮ คลายกังวลศก.ถดถอย หลัง GDP สูงกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 29, 2024 23:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 400 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2567

ณ เวลา 23.20 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,510.91 จุด บวก 419.49 จุด หรือ 1.02%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2567 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.0% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.8% และสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.8% หลังจากมีการขยายตัวเพียง 1.4% ในไตรมาส 1/2567

การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2/2567 ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการลงทุนของภาคเอกชน

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวขึ้น 2.5% ในไตรมาส 2/2567 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.6% หลังจากดีดตัวขึ้น 3.4% ในไตรมาส 1/2567

สำหรับในปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.2%, 2.1%, 4.9% และ 3.4% ในไตรมาส 1, 2, 3 และ 4 ตามลำดับ

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 232,000 ราย

ราคาหุ้นบริษัท Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงเกือบ 4% ในวันนี้ แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมทั้งเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3 ที่สดใส

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การดิ่งลงของหุ้น Nvidia เกิดจากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการซึ่งได้ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับหลายไตรมาสที่ผ่านมา รวมทั้งความล่าช้าในการเปิดตัว Blackwell ซึ่งเป็นชิป AI รุ่นใหม่

นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเทขายหุ้น Nvidia เพื่อทำกำไรจากราคาที่พุ่งขึ้นกว่า 150% นับตั้งแต่ต้นปี 2567

ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% เช่นกันในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. จากระดับ 0.1% ในเดือนมิ.ย.

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.6% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ