ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (29 ส.ค.) และตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังข้อมูลเงินเฟ้อที่ลดลงเพิ่มความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และชดเชยความผิดหวังเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทอินวิเดีย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 524.57 จุด เพิ่มขึ้น 3.97 จุด หรือ +0.76%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,640.95 จุด เพิ่มขึ้น 63.28 จุด หรือ +0.84%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,912.57 จุด เพิ่มขึ้น 130.28 จุด หรือ +0.69% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,379.64 จุด เพิ่มขึ้น 35.79 จุด หรือ +0.43%
เงินเฟ้อของเยอรมนีลดลงสู่ระดับ 2% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.3% ขณะที่เงินเฟ้อของสเปนลดลงมากเกินคาด และเงินเฟ้อของสหภาพยุโรป (EU-harmonised inflation) อยู่ที่ระดับ 2.4% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี
ข้อมูลดังกล่าวสนับสนุนความหวังที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนก.ย. ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายได้ย้ำความจำเป็นที่จะต้องเห็นเงินเฟ้อปรับตัวลงอีก
หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวขึ้น ยกเว้นกลุ่มสาธารณูปโภค, กลุ่มประกัน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งลดลง 0.2-1.8%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 2.2% ซึ่งเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ขณะที่เทรดเดอร์ไม่สนใจการคาดการณ์ผลประกอบการรายไตรมาสของอินวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปของสหรัฐฯ ซึ่งไม่เป็นไปตามความคาดหวังของนักลงทุน
หุ้นชิปของยุโรปไม่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยผลประกอบการของอินวิเดีย โดยหุ้น ASM International, STMicroelectronics และ ASML Holding ปรับตัวขึ้น 3%-3.7% ขณะที่หุ้น SAP ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ ปรับตัวขึ้นเกือบ 2%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นเกือบ 10% แล้วจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนในเดือนส.ค. ขณะที่มีการคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และยุโรป
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและตัวเลขการจ้างงานของยูโรโซนในวันศุกร์นี้