ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขานรับดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี คาดว่าการซื้อขายจะเป็นไปอย่างเบาบางในวันนี้ ก่อนวันหยุดยาวช่วงสุดสัปดาห์ เนื่องจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 2 ก.ย. เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ
ณ เวลา 20.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,465.01 จุด บวก 129.96 จุด หรือ 0.31%
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. โดยแบ่งเป็นให้น้ำหนัก 69.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% และให้น้ำหนัก 30.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.6% จากระดับ 2.5% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.1% ในเดือนมิ.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7% จากระดับ 2.6% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.2% ในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ราคาหุ้นของบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน พุ่งขึ้นกว่า 4% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังเสร็จสิ้นกระบวนการปรับปรุงการดำเนินงานของบริษัทเป็นเวลา 3 ปีตามคำสั่งของทางการจีน
ทั้งนี้ สำนักงานควบคุมกฎระเบียบตลาดของจีน (SAMR) สั่งปรับอาลีบาบาเป็นจำนวนเงิน 1.823 หมื่นล้านหยวน (2.6 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2564 หลังการสอบสวนบริษัทเกี่ยวกับข้อหาผูกขาดตลาด จากการที่อาลีบาบาบังคับให้บริษัทที่ต้องการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอาลีบาบาจะต้องเลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพียง 1 ใน 2 แพลตฟอร์ม แทนที่จะอนุญาตให้มีการขายบนทั้ง 2 แพลตฟอร์ม
SAMR ระบุว่า มาตรการดังกล่าวของอาลีบาบาทำให้บริษัทมีความได้เปรียบเหนือบริษัทอื่น และเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
ล่าสุด SAMR ประกาศในวันนี้ว่า นับตั้งแต่มีการสั่งปรับดังกล่าว SAMR ได้ทำการตรวจสอบอาลีบาบาเพื่อให้มีการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับกฎระเบียบ ซึ่งการดำเนินการของอาลีบาบาให้ผลลัพธ์ที่ดี
SAMR ระบุว่า อาลีบาบาได้เสร็จสิ้นกระบวนการดังกล่าวแล้ว และได้ยุติมาตรการที่ใช้บังคับต่อบริษัทที่ต้องการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอาลีบาบา