ดาวโจนส์ทรุดกว่า 500 จุด กังวลเศรษฐกิจถดถอย หลังภาคผลิตหดตัว 5 เดือนติด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 4, 2024 00:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 500 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของเดือนก.ย.

ณ เวลา 23.51 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,056.37 จุด ลบ 506.71 จุด หรือ 1.22%

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการวานนี้ เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ

การซื้อขายในวันนี้ถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 3.9% รวมทั้งแรงขายทำกำไรของนักลงทุน หลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจากที่ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.2 ในเดือนส.ค. จากระดับ 46.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2566 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.5

ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ โดยเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะหดตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน

ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า เดือนกันยายนเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงเฉลี่ย 2.3% ในเดือนดังกล่าวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงในเดือนกันยายนของทุกปีในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการทรุดตัวลง 9.3% ในปี 2565

ขณะเดียวกัน ในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่มีการเลือกตั้งในสหรัฐ จะทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยิ่งมีแนวโน้มดิ่งลงในเดือนกันยายน เนื่องจากนักลงทุนมักทำการเทขายหุ้นอย่างหนักในเดือนกันยายนและตุลาคมในปีเลือกตั้ง ก่อนที่จะกลับเข้าซื้อหุ้นในไตรมาส 4

ส่วนเดือนธันวาคมเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นปรับตัวดีที่สุด ตามมาด้วยเดือนพฤศจิกายนและตุลาคม

มอร์แกน สแตนลีย์ สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ออกรายงานเตือนนักลงทุนให้จับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบ่งชี้ว่าการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐจะสามารถดำเนินต่อไปได้หรือไม่ หลังจากที่ตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนักจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 600 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ส.ค. และทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%

ข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ตัดสินใจผิดพลาดด้วยการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเป็นเวลานานเกินไป

"ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานอย่างหนักในช่วงต้นเดือนส.ค. โดยมีสาเหตุสำคัญจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนก.ค.ในวันที่ 2 ส.ค.ที่อ่อนแอเกินคาด"

"ตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนส.ค.จะมีอิทธิพลต่อทิศทางของตลาดหุ้นในอนาคต และจะเป็นบททดสอบการฟื้นตัวของตลาด"

"ตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด และอัตราว่างงานที่ต่ำกว่าคาดจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้นแก่นักลงทุนว่าความเสี่ยงต่อการขยายตัวได้ลดน้อยลง ซึ่งจะปูทางให้มูลค่าหุ้นยังคงทรงตัวในระดับสูง"

"ในทางกลับกัน หากมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแออีกครั้ง รวมทั้งมีการพุ่งขึ้นของอัตราว่างงาน สิ่งนี้ก็จะสร้างความตื่นตระหนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง และจะส่งแรงกกดดันครั้งใหม่ต่อมูลค่าหุ้นในตลาด" รายงานระบุ

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันศุกร์นี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.2% ในเดือนส.ค. จากระดับ 4.3% ในเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ