ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันอังคาร (3 ก.ย.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากราคาโลหะและน้ำมันดิบลดลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,298.46 จุด ลดลง 65.38 จุด หรือ -0.78% โดยเป็นการปรับตัวลงวันเดียวมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าร่วง 3.7% แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวลง หลังจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมร่วง 3.4% แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน โดยถูกกดดันจากราคาทองแดงที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าภาวะเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวลง 2.9% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากราคาน้ำมันดิบลดลง หลังจากสื่อรายงานว่าอาจมีการยุติความขัดแย้งด้านการผลิตน้ำมันในรัสเซีย
หุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล, เวชภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโอคาโดซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ พุ่ง 3.1% และหุ้นเทสโก้ บวก 1.6% หลังยูบีเอสปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บวก 0.4% โดยหุ้น Watches Of Switzerland Group พุ่ง 6.3% หลังเปิดเผยว่าจะมีผลประกอบการทั้งปีตามคาด
หุ้นโรลส์-รอยซ์ บริษัทผลิตเครื่องยนต์เครื่องบิน ฟื้นตัวบวก 1.7% หลังสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงเปิดเผยว่ามีการตรวจสอบและซ่อมเครื่องยนต์ของเครื่องบินแอร์บัส A350 จำนวน 3 ลำจาก 48 ลำแล้ว และคาดว่าเครื่องบินทั้งหมดจะกลับมาให้บริการได้ภายในวันเสาร์นี้