ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (5 ก.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และบดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 512.05 จุด ลดลง 2.77 จุด หรือ -0.54%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,431.96 จุด ลดลง 69.01 จุด หรือ -0.92%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,576.50 จุด ลดลง 15.35 จุด หรือ -0.08% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,241.71 จุด ลดลง 27.89 จุด หรือ -0.34%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์, กลุ่มเคมีภัณฑ์ และกลุ่มสินค้าส่วนบุคคล ร่วงลงกว่า 1%
ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจยังคงถ่วงบรรยากาศการซื้อขาย โดยข้อมูลยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนก.ค. แต่ยอดค้าปลีกของยูโรโซนลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปี
นอกจากนี้ ข้อมูลยังบ่งชี้ถึงสัญญาณที่อ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราร่วงลงกว่า 3% โดยหุ้นหลุยส์วิตตอง (LVMH) และหุ้นแอร์เมส อินเทอร์เนชันแนล (Hermes International) ร่วงลง 3.6% และ 6.4% ตามลำดับ
การเลือก มิเชล บาร์นิเยร์ อดีตผู้เจรจาด้าน Brexit ของสหภาพยุโรป (EU) เป็นนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร และพันธบัตรรัฐบาล ท่ามกลางความหวังว่าจะช่วยคลายความปั่นป่วนทางการเมืองในประเทศนับตั้งแต่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง จัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
สถาบัน Ifo ของเยอรมนีเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีมีแนวโน้มชะงักงันในปีนี้ ซึ่งตรงข้ามกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่าอาจขยายตัว 0.4%
หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวขึ้นกว่า 1% เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้
นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ และจะปรับลดอีกครั้งในเดือนธ.ค.
หุ้นแอร์บัสร่วง 1.4% หลังหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางการบินของยุโรปเปิดเผยว่าจะตรวจสอบชิ้นส่วนเครื่องบิน A350 หลังเกิดปัญหาเครื่องยนต์ในเที่ยวบินคาเธ่ย์แปซิฟิค
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงต่อ โดยหุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิงส์ (ASML Holdings) ร่วง 2.2% ตามหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ