ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (6 ก.ย.) เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน และร่วงลงวันเดียวหนักที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่ไม่ชัดเจนทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.25% ในเดือนนี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 506.56 จุด ลดลง 5.49 จุด หรือ -1.07%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,352.30 จุด ลดลง 79.66 จุด หรือ -1.07%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,301.90 จุด ลดลง 274.60 จุด หรือ -1.48% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,181.47 จุด ลดลง 60.24 หรือ -0.73%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลง 2.5% ในรอบสัปดาห์นี้หลังจากปิดบวก 4 สัปดาห์ติดต่อกัน และเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 2 ส.ค.
ข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนส.ค. ซึ่งลดโอกาสที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% มากกว่าจะปรับลด 0.25% ในเดือนนี้ แม้อัตราการว่างงานลดลงก็ตาม
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนมองว่า มีโอกาส 23% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มวัสดุพื้นฐาน และกลุ่มพลังงานปรับตัวลงมากกว่า 2% ขณะที่หุ้นชิปถ่วงกลุ่มเทคโนโลยีลง โดยร่วงลงตามหุ้นสหรัฐ หลังบรอดคอมเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันและโลหะ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลง 1.8% แต่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565