ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด หลังการเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกที่สูงกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินสัปดาห์นี้
ณ เวลา 20.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,739.56 จุด บวก 117.48 จุด หรือ 0.28%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.2% หลังจากพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ เฟดจะเริ่มการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ ก่อนที่จะประกาศผลการประชุมในวันพรุ่งนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 30% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 35% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักมากถึง 70% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมรอบนี้ ก็จะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้ และครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งขณะนั้นเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงใกล้ 0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังการประชุมในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ