ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร (17 ก.ย.) โดยดาวโจนส์อ่อนแรงลงหลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,606.18 จุด ลดลง 15.90 จุด หรือ -0.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,634.58 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 1.49 จุด หรือ +0.03%, และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,628.06 จุด เพิ่มขึ้น 35.93 จุด หรือ +0.20%
ในระหว่างวัน ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2% หลังจากที่พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่งตลอดช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
อย่างไรก็ดี รัสเซลล์ ไพรซ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท Ameriprise Financial Services ในรัฐมิชิแกน แสดงความเห็นว่า ตลาดได้ตั้งความหวังเอาไว้มากก่อนที่จะมีการรายงานยอดค้าปลีก และสิ่งที่เห็นได้จากข้อมูลดังกล่าวคือสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปของสหรัฐฯ มีการเติบโต แต่เป็นการเติบโตที่ค่อนข้างช้า
ไพรซ์ยังกล่าวด้วยว่า นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจก่อให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ หรือทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นว่าเฟดดำเนินการช้าเกินไปในการทำให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากภาวะถดถอย ซึ่งความกังวลเหล่านี้ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ การคาดการณ์เกี่ยวกับขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา และล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้ (18 ก.ย.) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วที่ให้น้ำหนักเพียง 34%
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.41% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดีดตัวขึ้น 0.62% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 1.01% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง 0.93%
หุ้นไมโครซอฟท์ (Microsoft) ดีดตัวขึ้น 0.88% และมีส่วนช่วยหนุนดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก หลังจากคณะกรรมการบริหารของไมโครซอฟท์ได้อนุมัติแผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาส 10%
หุ้นอินเทล (Intel) พุ่งขึ้น 2.68% หลังจากอินเทลเซ็นสัญญากับธุรกิจบริการคลาวด์ของบริษัทอะเมซอนดอทคอม (Amazon.com) เพื่อผลิตชิปเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบที่ลูกค้ากำหนดเองได้ ขณะที่หุ้นอะเมซอนดอทคอม ดีดตัวขึ้น 1.08%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% หลังจากร่วงลง 0.9% ในเดือนก.ค.
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 2 จุด สู่ระดับ 41 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 40 โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง