ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแดนบวกสลับแดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 23.49 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 42,045.51 จุด ลบ 17.85 จุด หรือ 0.04%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และปิดตลาดในวันศุกร์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 42,000 จุด ขานรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในรอบกว่า 4 ปี
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดก่อนสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ สาขานิวยอร์ก เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ย.เวลา 09.20 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.20 น.ตามเวลาไทย
การประชุมดังกล่าวมีขึ้น หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในรอบกว่า 4 ปี
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1.00% ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในปี 2569
โดยรวมแล้ว Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2.00% หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)