ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (23 ก.ย.) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนสนับสนุนแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ โดยหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 516.32 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือ +0.40%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,508.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.82 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,846.79 จุด เพิ่มขึ้น 126.78 จุด หรือ +0.68% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,259.71 จุด เพิ่มขึ้น 29.72 จุด หรือ +0.36%
ดัชนี STOXX 600 ฟื้นตัวขึ้นจากการติดลบ หลังร่วงลงวันเดียวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มรถยนต์นำตลาดปรับตัวขึ้น โดยพุ่งขึ้น 1.9% ขณะที่กลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้น 1.2%
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนหดตัวลงอย่างรุนแรงเกินคาดในเดือนนี้ ขณะที่อุตสาหกรรมบริการทรงตัว และกิจกรรมการผลิตชะลอตัวลงมากขึ้น โดยกิจกรรมทางธุรกิจในเยอรมนีและฝรั่งเศสหดตัวลงอีก
หุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซนร่วงลง 1.8% นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารของฝรั่งเศส อาทิ เครดิต อากริโคล (Credit Agricole), โซซิเอเต้ เจเนเรล (SocGen) และบีเอ็นพี พาริบาส์ (BNP Paribas)
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1.3% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้น 1.1%
ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย. และในช่วงต้นเดือนก.ย.นี้
ตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากเมื่อวันพุธที่แล้ว (18 ก.ย.)
จุดสนใจของตลาดในสัปดาห์นี้จะอยู่ที่การแสดงความเห็นของผู้กำหนดนโยบายเพื่อพิจารณาแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการประชุมของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์และสวีเดนเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ด้วย