ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (26 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างคึกคัก หลังจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,914.74 จุด เพิ่มขึ้น 18.44 จุด หรือ +0.64% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,572.45 จุด เพิ่มขึ้น 443.35 จุด หรือ +2.32% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 38,812.94 จุด เพิ่มขึ้น 942.68 จุด หรือ +2.49%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 1.9% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัว 0.53%
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นเอเชีย โดยหุ้นเอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix) ทะยานขึ้นกว่า 8% หลังจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยี เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และยังเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ด้วย
ส่วนการซื้อขายที่ตลาดหุ้นโตเกียวนั้น นอกจากจะได้รับปัจจัยจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว ดัชนีนิกเกอิยังได้รับแรงหนุนหลังจาการยงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า กรรมการ BOJ มีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่ว่า BOJ ควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเพียงใดในอนาคต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า
ในการประชุมเมื่อวันที่ 31 ก.ค. คณะกรรมการ BOJ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นสู่ระดับ 0.25% และเปิดเผยแผนชะลอการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นการปูทางสู่การถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ที่ BOJ ดำเนินการมาเป็นเวลานานถึง 10 ปี
รายงานการประชุมระบุว่า กรรมการ BOJ อย่างน้อย 2 ใน 9 รายเล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับขอบเขตในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยกรรมการรายหนึ่งกล่าวว่า BOJ ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย "อย่างค่อยเป็นค่อยไปและในเวลาที่เหมาะสม" เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกดดันให้ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในภายหลัง