ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุด ขานรับคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย.
ณ เวลา 18.27 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 183 จุด หรือ 0.43% สู่ระดับ 42,459 จุด
นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 60% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทรุดหนักสุดในรอบกว่า 3 ปี
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 62.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 38.8% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 37.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากให้น้ำหนักมากถึง 61.2% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 98.7 ในเดือนก.ย. จากระดับ 105.6 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 104.0
ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลง 6.9 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2564 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ตลาดแรงงาน รวมทั้งแนวโน้มธุรกิจและรายได้ในอนาคต
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในคืนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดก่อนสิ้นปีนี้
นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวันนี้เวลา 09.20 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.20 น.ตามเวลาไทย
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)