ตลาดหุ้นยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) โดยหุ้นที่พึ่งพาตลาดจีน อาทิ หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น ขานรับข่าวจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก ขณะที่หุ้นกลุ่มชิปปรับตัวขึ้นด้วย หลังจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยีของสหรัฐคาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 525.61 จุด เพิ่มขึ้น 6.47 จุด หรือ +1.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,742.09 จุด เพิ่มขึ้น 176.47 จุด หรือ +2.33%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,238.36 จุด เพิ่มขึ้น 319.86 จุด หรือ +1.69% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,284.91 จุด เพิ่มขึ้น 16.21 จุด หรือ +0.20%
ผู้นำจีนยืนยันที่จะใช้จ่ายด้านการคลังที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายที่ระดับราว 5% ในปีนี้ ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่า จีนจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ ออกมาอีกในสัปดาห์นี้
ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่พึ่งพาตลาดจีน พุ่งขึ้น 6.5% โดยหุ้นหลุยส์วิตตอง (LVMH) และหุ้นแอร์เมส(Hermes) พุ่งขึ้นราว 9%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้นด้วย 4.3% ตามราคาโลหะที่ปรับตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรป พุ่ง 3% หลังหุ้นบริษัทชิปทะยานขึ้น เนื่องจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยีคาดการณ์รายได้สูงเกินคาด อันเนื่องมาจากความต้องการชิปด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มขึ้น
แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงสวนทางตลาด โดยร่วง 3% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดิ่งลงมากกว่า 2% หลังสื่อรายงานว่า ซาอุดีอาระเบียจะยกเลิกเป้าหมายราคาน้ำมันเพื่อตรียมปรับเพิ่มการผลิต และโอเปกพลัสเตรียมที่จะเพิ่มการผลิตในเดือนธ.ค.
ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.0% ในการประชุมวันพฤหัสบดี โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ 30 คนจากทั้งหมด 32 คนในโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์ และถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้