ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนขายลดความเสี่ยง ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้
ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 42,083.38 จุด ลบ 229.62 จุด หรือ 0.54%
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดก่อนสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐ (NABE) ในวันนี้ เวลา 13.55 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 00.55 น.ของวันอังคารที่ 1 ต.ค.ตามเวลาไทย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเขาได้กล่าวถึงความสำคัญของตลาดพันธบัตรที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งนอกจากจะช่วยตอบสนองความต้องการด้านการเงินของรัฐบาลกลางแล้ว ตลาดยังมีบทบาทสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินของเฟด หรือทิศทางอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานอยู่ที่ระดับ 4.2% ในเดือนก.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนส.ค.
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดฉากการซื้อขายสำหรับเดือนก.ย. และไตรมาส 3/2567 ในวันนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 1.8% นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้น 1.6% และ 2.3% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 8% ในไตรมาส 3/2567 ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้น 5% และ 2% ตามลำดับ
ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 1.6% นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. และหากสามารถปิดตลาดในแดนบวกวันนี้ ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ทำสถิติปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนก.ย. นับตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งในปีดังกล่าว ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้นราว 1.7%
ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงเฉลี่ย 2.3% ในเดือนดังกล่าวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงในเดือนก.ย.ของทุกปีในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการทรุดตัวลง 9.3% ในปี 2565
ส่วนเดือนธ.ค.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นปรับตัวดีที่สุด ตามมาด้วยเดือนพ.ย.และต.ค.