ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (30 ก.ย.) โดยดาวโจนส์และ S&P500 ต่างก็ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากดัชนีอ่อนแรงลงในระหว่างวัน ภายหลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดก่อนสิ้นปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,330.15 จุด เพิ่มขึ้น 17.15 จุด หรือ +0.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,762.48 จุด เพิ่มขึ้น 24.31 จุด หรือ +0.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,189.17 จุด เพิ่มขึ้น 69.58 จุด หรือ +0.38%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวขึ้น 0.83% และ 0.79% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.60%
พาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (NABE) เมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็น 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ หากเศรษฐกิจมีพัฒนาการที่เป็นไปตามคาด และเฟดจะไม่รีบร้อนในการดำเนินการดังกล่าว หลังมีข้อมูลใหม่ซึ่งทำให้เฟดมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 35% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. ลดลงจากระดับ 37% ก่อนที่พาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้ และลดลงจากระดับ 53% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ก.ย.)
เจค ดอลลาร์ไฮด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Longbow Asset Management กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงจากการแสดงความเห็นของพาวเวล ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยตลาดได้แรงหนุนในช่วงท้ายจากการที่นักลงทุนทำการตกแต่งบัญชี (Window Dressing) ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส
ทั้งนี้ ตลอดไตรมาส 3/2567 ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 5.5%, ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.6% และดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้น 8.2% ส่วนเมื่อพิจารณาตลอดเดือนก.ย. ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 2%, ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.9% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.7%
ควินซี ครอสบี หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัท LPL Financial กล่าวว่า เฟดยังมีข้อมูลเศรษฐกิจอีกหลายรายการให้ต้องพิจารณาก่อนการประชุมนโยบายการเงินในเดือนพ.ย. โดยในสัปดาห์นี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ จะเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะอยู่ที่ 4.2% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนส.ค.