ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจเพื่อหาทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ณ เวลา 20.16 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 112 จุด หรือ 0.26% สู่ระดับ 42,531 จุด
นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนพ.ย. หลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด วานนี้
ทั้งนี้ นายพาวเวลระบุอย่างชัดเจนวานนี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 2 ครั้ง รวม 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ หากเศรษฐกิจมีพัฒนาการที่เป็นไปตามคาด และเฟดจะไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
"หากเศรษฐกิจมีพัฒนาการที่เป็นไปตามคาด เราก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 0.50% ในปีนี้ โดยคณะกรรมการเฟดพิจารณาแล้วเห็นว่าเราไม่ควรเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย" นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐ (NABE) เมื่อวานนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 64.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนักเพียง 35.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50%
อย่างไรก็ดี ในการคาดการณ์ผลการประชุมเฟดในเดือนธ.ค. นักลงทุนให้น้ำหนักสูงสุด 48.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.00-4.25% ขณะที่ให้น้ำหนัก 35.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% และให้น้ำหนัก 16.0% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00%
นักลงทุนจับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตจาก S&P Global ในวันนี้ รวมทั้งดัชนีภาคการผลิตจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) และตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานอยู่ที่ระดับ 4.2% ในเดือนก.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนส.ค.