ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการที่อิหร่านวางแผนโจมตีอิสราเอล ซึ่งหลังจากปิดตลาดยุโรป อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกโจมตีอิสราเอลเพื่อตอบโต้ต่อการสังหารประชาชนในฉนวนกาซา รวมทั้งผู้นำของกลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 520.88 จุด ลดลง 2.01 จุด หรือ -0.38%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,574.07 จุด ลดลง 61.68 จุด หรือ -0.81%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,213.14 จุด ลดลง 111.79 จุด หรือ -0.58% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,276.65 จุด เพิ่มขึ้น 39.70 จุด หรือ +0.48%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังสำนักข่าว CNN รายงานโดยอ้างทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐเชื่อว่าอิหร่านกำลังเตรียมการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลแบบทิ้งตัว (ballistic missile) โจมตีโดยตรงต่ออิสราเอลในไม่ช้า
ดัชนีความผันผวนของตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ โดยหุ้นส่วนใหญ่ร่วงลง นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซน ร่วง 2.8%
หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและสินค้าในครัวเรือน ร่วงลง 1.7% และ 1.3% ตามลำดับ
แต่หุ้นกลุ่มพลังงาน พุ่งขึ้น 1.3% สวนทางตลาด หลังราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นมากกว่า 3%
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตอาวุธ อาทิ หุ้นไรน์เมทัล ( Rheinmetall) ของเยอรมนี และหุ้นซ้าบ (Saab) ของสวีเดน พุ่งขึ้น 5.1% และ 3.5% ตามลำดับ
ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนปรับตัวลงต่อ ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรในฐานสินทรัพย์ปลอดภัย
อัตราผลตอบแทนปรับตัวลงหลังข้อมูลบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนลดลงต่ำกว่า 2% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางปี 2564 ในเดือนก.ย. ซึ่งตอกย้ำความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้
หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น 1% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้น 0.4%