ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (1 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งที่ลุกลามในตะวันออกกลาง หลังมีรายงานว่า อิหร่านกำลังวางแผนที่จะโจมตีอิสราเอล ซึ่งหลังจากปิดตลาดลอนดอน อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกโจมตีอิสราเอลเพื่อตอบโต้ต่อการสังหารประชาชนในฉนวนกาซา รวมทั้งผู้นำของกลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,276.65 จุด เพิ่มขึ้น 39.70 จุด หรือ +0.48%
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐเชื่อว่าอิหร่านกำลังเตรียมการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลแบบทิ้งตัว (ballistic missile) โจมตีโดยตรงต่ออิสราเอลในไม่ช้า
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ พุ่งขึ้น 2.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบ 2 เดือน
หุ้นกลุ่มโลหะมีค่า พุ่งขึ้น 1.9% เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มการบินอวกาศและการป้องกัน พุ่งขึ้น 1%
แต่หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคล ร่วงลง 3.6% โดยถูกกดดันจากการดิ่งลง 4.1% ของหุ้นเบอเบอร์รี หลังโบรกเกอร์หลายแห่งปรับลดราคาเป้าหมายหุ้นดังกล่าว
เงินปอนด์ร่วงลง 0.7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหนุนดัชนี FTSE 100 ที่เป็นหุ้นส่งออกเป็นส่วนใหญ่
สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อผู้บริโภคลดลง หลังข้อมูลบ่งชี้ว่า ราคาสินค้าในอังกฤษลดลงในอัตราเร็วที่สุดในรอบกว่า 3 ปีในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลกิจกรรมการผลิตบ่งชี้ว่า ผู้ผลิตของอังกฤษมีความเห็นในเชิงลบมากขึ้น เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับงบประมาณแรกของรัฐบาลใหม่ ประกอบกับความวิตกเกี่ยวกับตะวันออกกลาง และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ