ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงมากกว่า 2% ในวันนี้ (2 ต.ค.) โดยนักลงทุนเทขายเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดยิ่งขึ้นในตะวันออกกลาง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 37,808.76 จุด ลดลง 843.21 จุด หรือ -2.18%
หุ้นลบนำตลาดได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า, กลุ่มขนส่งทางอากาศ รวมถึงกลุ่มธนาคาร
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดร่วงนำตลาดในวันนี้ ตามทิศทางหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีนิกเกอิดิ่งลงกว่า 1,000 จุดในช่วงเวลาสั้น ๆ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังถูกกดดันจากความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในตะวันออกกลาง อันเนื่องมาจากการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธไปยังอิสราเอลเมื่อวานนี้ เพื่อตอบโต้การสังหารฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ตลอดจนบุคคลอื่น ๆ
มาซาฮิโระ ยามากูจิ หัวหน้าฝ่ายวิจัยการลงทุนของ SMBC Trust Bank กล่าวว่า "ความไม่แน่นอนในตะวันออกกลางสร้างความกังวลหลายด้าน ทั้งเรื่องต้นทุนพลังงานที่อาจพุ่งสูงขึ้น เศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลง และความเสี่ยงที่จะเกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน"
ขณะเดียวกัน หุ้นพลังงานกลับเป็นที่หมายปองของนักลงทุน เนื่องจากได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่ลุกลามในตะวันออกกลาง
โคอิจิ ฟูจิชิโระ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัยไดอิจิไลฟ์ ให้ความเห็นว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอเกินคาด ได้จุดชนวนความวิตกกังวลครั้งใหม่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเกิดภาวะถดถอยอีกครั้ง
โบรกเกอร์หลายสำนักระบุว่า ตอนนี้ตลาดกำลังจับตาข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพื่อคาดการณ์ว่าประเทศเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกจะสามารถทำ "ซอฟต์แลนดิง" ได้หรือไม่