ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันพุธ (2 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามเพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 521.14 จุด เพิ่มขึ้น 0.26 จุด หรือ +0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,577.59 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด หรือ +0.05%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,164.75 จุด ลดลง 48.39 จุด หรือ -0.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,290.86 จุด เพิ่มขึ้น 14.21 จุด หรือ +0.17%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.6% และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 8 สัปดาห์ เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้น หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล ขณะที่อิสราเอลและสหรัฐยืนยันที่จะตอบโต้
ความขัดแย้งดังกล่าวได้หนุนหุ้นกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวกับการป้องกัน อาทิ หุ้นไรน์เมทัล (Rheinmetall) ของเยอรมนี และหุ้นบีเออี ซิสเทมส์ (BAE Systems) ของอังกฤษ ซึ่งปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ขณะที่หุ้นซ้าบ (Saab) ของสวีเดนพุ่งขึ้น 2.5%
ข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า การว่างงานของยูโรโซนในเดือนส.ค.อยู่ที่ 6.4% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยสำนักข่าวรอยเตอร์
หลุยส์ เดอ กินดอส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนอาจจะอ่อนแอลงในระยะใกล้มากกว่าที่ ECB คาดไว้ แต่การฟื้นตัวจะยังคงกระเตื้องขึ้นในระยะต่อไป
ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 ต.ค.นี้ และจะปรับลดในเดือนธ.ค.ไปจนถึงต้นปี 2568