ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 200 จุด หลุดแนว 42,000 จุด ขณะที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,980.74 จุด ลบ 215.78 จุด หรือ 0.51%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นรับข่าวอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล
ขณะเดียวกัน นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 225,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 221,000 ราย
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานอยู่ที่ระดับ 4.2% ในเดือนก.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนส.ค.
นายโทมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เฟดอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ในการทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% และสิ่งนี้จะเป็นปัจจัยจำกัดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ นายบาร์กินกล่าวว่า เขาลงมติสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนที่แล้ว รวมทั้งสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ก่อนสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ดี นายบาร์กินแสดงความกังวลว่าเงินเฟ้ออาจทรงตัวในระดับสูงในปีหน้า ซึ่งจะเป็นอุปสรรคทำให้เฟดไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้มากเท่ากับที่นักลงทุนและกรรมการเฟดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับการประชุมครั้งต่อไปของเฟดในวันที่ 6-7 พ.ย.นั้น นายบาร์กินกล่าวว่า เขาสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมดังกล่าว หากอัตราว่างงานและเงินเฟ้อยังคงมีเสถียรภาพ