ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลง ยกเว้นหุ้นกลุ่มพลังงาน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 516.29 จุด ลดลง 4.85 จุด หรือ -0.93%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,477.78 จุด ลดลง 99.81 จุด หรือ -1.32%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,015.41 จุด ลดลง 149.34 จุด หรือ -0.78% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,282.52 จุด ลดลง 8.34 จุด หรือ -0.10%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 2.1% โดยหุ้นสเตลแลนติส (Stellantis) ของอิตาลี ร่วง 4% หลัง คาร์ลอส ทาวาเลซ ซีอีโอเปิดเผยถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับการปรับลดเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืนในปีหน้า และบาร์เคลย์สปรับลดน้ำหนักการลงทุนของหุ้นตัวนี้
หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุร่วงลง 2% หลังจาก บวิค (Bouygues) บริษัทก่อสร้างของฝรั่งเศสดิ่งลง 4.8% เนื่องจากการปรับลดคาดการณ์ยอดขายและผลกำไรในปี 2569
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานร่วงลง 1.7% ตามราคาทองแดงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยอิสราเอลซึ่งสู้รบกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซามาเกือบ 1 ปีนั้น ได้ส่งทหารเข้าไปยังภาคใต้ของเลบานอนหลังจากทำการโจมตีทางอากาศเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ความขัดแย้งขยายตัวโดยดึงอิหร่านเข้ามาสู้รบด้วย รวมทั้งอาจเสี่ยงที่จะดึงสหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานของยุโรปปรับตัวขึ้น 0.3%
สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจนั้น กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวในเดือนก.ย. แม้ว่าการชะลอตัวไม่มากเท่ากับที่คาดไว้ และผลสำรวจบ่งชี้ว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลงแล้ว
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นเนสท์เล่ (Nestle) ร่วงลง 1.3% หลังจากที่ซิตี้กรุ๊ปปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก "ซื้อ" เป็น "คงน้ำหนักการลงทุน"