ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพฤหัสบดี (3 ต.ค.) โดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้หักล้างการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นเทสโก้ (Tesco) ปรับตัวขึ้นหลังจากปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรทั้งปี
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,282.52 จุด ลดลง 8.34 จุด หรือ -0.10%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมและกลุ่มโลหะมีค่าปรับตัวลง 1.2% และ 0.3% ตามลำดับ เนื่องจากราคาโลหะอุตสาหกรรม อาทิ ทองแดงลดลงจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องในตะวันออกกลาง, ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบด้านอุปสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในจีน
ราคาทองคำปรับตัวลงด้วย เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่ตลาดประเมินความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50%
แต่หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้น 1.4% โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน
นายแอนดรูว์ ไบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยว่า มีโอกาสที่ BoE อาจดำเนินการเร็วขึ้นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง หากสถานการณ์เงินเฟ้อดีขึ้น
หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่น หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านปรับตัวขึ้น 1.3% หลังการแสดงความเห็นดังกล่าว
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของอังกฤษ ลดลงสู่ระดับ 52.4 ในเดือนก.ย. จาก 53.7 ในเดือนส.ค. ขณะที่ราคาปรับตัวขึ้นในอัตราชะลอตัวที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี
ตลาดคาดการณ์ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนพ.ย.
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นเทสโก้ (Tesco) พุ่งขึ้น 2.5% สวนทางตลาด หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไร และรายงานผลกำไรหลักในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 10%
หุ้นฟีนิกซ์ กรุ๊ป (Phoenix Group) ซึ่งเป็นบริษัทประกัน ปรับตัวลงมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 โดยร่วงลง 5.7%