ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ (7 ต.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นปัจจัยฉุดตลาด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนลดความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางซึ่งจะมีผลกระทบต่อราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,954.24 จุด ลดลง 398.51 จุด หรือ -0.94%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,695.94 จุด ลดลง 55.13 จุด หรือ -0.96% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,923.90 จุด ลดลง 213.95 จุด หรือ -1.18%
นักลงทุนลดความคาดหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงเกินคาด โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 86% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนัก 14% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนดังกล่าว
ทั้งนี้ การที่นักลงทุนเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4% เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน
ตลาดยังถูกกดดันจากอีกหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากพายุเฮอร์ริเคน โดยคาดว่าพายุเฮอร์ริเคนมิลตัน (Milton) จะพัดถล่มสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ หลังจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีน (Helene) ได้พัดถล่ม 6 รัฐของสหรัฐฯ และคร่าชีวิตประชาชนกว่า 200 ราย
สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างมากนั้น ยังเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้น โดยขณะนี้นักลงทุนจับตาว่าอิสราเอลจะตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธจำนวนมากโจมตีอิสราเอลหรือไม่ ส่วนสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวานนี้ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ยิงจรวดโจมตีเมืองไฮฟาของอิสราเอล ขณะที่กองกำลังทหารของอิสราเอลเตรียมความพร้อมที่จะขยายปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินเข้าไปทางตอนใต้ของเลบานอน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ผู้พิพากษาสหรัฐฯ มีคำสั่งให้กูเกิล (Google) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของอัลฟาเบท (Alphabet) ปรับปรุงธุรกิจโมบาย-แอปพลิเคชัน เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์ระบบแอนดรอยด์ (Android) มีตัวเลือกมากขึ้น โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นอัลฟาเบทร่วงลง 2.5%
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับ 22.64 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.ปีนี้
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดิ่งลง 2.32% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารร่วงลง 1.97% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 0.35%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีนี้ รวมทั้งจับตารายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2567 ของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ด้วย