ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดลบในวันนี้ (8 ต.ค.) ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนมตินโยบายการเงินของธนาคารกลางอินเดีย (RBI)
ดัชนี Sensex เปิดตลาดที่ระดับ 80,826.56 จุด ลดลง 223.44 จุด หรือ -0.28%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนี Sensex ปิดตลาดลบมาแล้ว 6 วันทำการติดต่อกัน นับเป็นช่วงขาลงที่ยาวนานที่สุดในรอบ 1 ปี โดยสาเหตุหลักมาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติก็ทยอยถอนเงินออกจากตลาดอินเดียเพื่อไปลงทุนในจีนแทน
นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ (FII) เป็นผู้ขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันทำการที่ 6 ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) โดยขายหุ้นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาดังกล่าว
นเรนทรา โสลังกี หัวหน้าฝ่ายวิจัยปัจจัยพื้นฐานของบริษัท Anand Rathi Shares and Stock Brokers กล่าวว่า "ตลาดในประเทศกำลังเผชิญกับแรงเทขายทำกำไรอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับการขายหุ้นออกมาจำนวนมากของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอน และเกิดบรรยากาศการลงทุนที่ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากขึ้น"
นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางของตลาดในระยะสั้นคือ ความเห็นของ RBI ในวันพุธนี้ (9 ต.ค.) และฤดูกาลประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ 9 จาก 13 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักปรับตัวลง โดยหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กปรับตัวลงราวกลุ่มละ 0.5%
ด้านหุ้นรายตัว บริษัทมาฮินดร้า แอนด์ มาฮินดร้า (Mahindra and Mahindra) ผู้ผลิตรถยนต์ ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังจากที่ CLSA ปรับคำแนะนำลงทุนจาก "hold" (ถือ) เป็น "outperform" (ซื้อ) โดยอ้างถึงการเติบโตจากการขยายกำลังการผลิต ส่วนประสมผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และอำนาจต่อรองด้านราคาที่เพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ SUV
ในทางตรงกันข้าม หุ้นของบริษัททาทา มอเตอร์ส (Tata Motors) ปรับตัวลง 3.2% หลังจากยอดขายปลีกของบริษัทลูก JLR ในไตรมาสก.ย. ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า