ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (8 ต.ค.) เนื่องจากการขาดรายละเอียดใหม่ ๆ เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนได้กระตุ้นแรงขายหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับจีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก อาทิ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มสินค้าหรูหรา
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 516.64 จุด ลดลง 2.84 จุด หรือ -0.55%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,521.32 จุด ลดลง 54.70 จุด หรือ -0.72%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,066.47 จุด ลดลง 37.63 จุด หรือ -0.20% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,190.61 จุด ลดลง 113.01 จุด หรือ -1.36%
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงมากถึงราว 1% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ก่อนปิดตลาดลดช่วงติดลบลง
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา อาทิ หลุยส์วิตตอง (LVMH), เคอริ่ง (Kering), เบอเบอร์รี (Burberry) และแอร์เมส (Hermes) ซึ่งมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากตลาดจีนนั้นร่วงลงราว 0.6%-4.5%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง 4.4% หลังจากราคาทองแดงและราคาสินแร่เหล็กปรับตัวลง หลังจากเจ้าหน้าที่จีนไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ
หุ้นบริษัทผลิตสุรา อาทิ หุ้นเรมี่ คอนโทร (Remy Cointreau) และเพอร์นอด ริคาร์ด (Pernod Ricard) ร่วงลง 6.4% และ 4.2% ตามลำดับ หลังจากจีนประกาศมาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดกับการนำเข้าบรั่นดีจากสหภาพยุโรป
การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเกินคาด 2.9% ในเดือนส.ค. แต่แทบไม่ได้ช่วยหนุนตลาด ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์มุ่งความสนใจไปที่ภาพรวมที่ซบเซาของเศรษฐกิจยูโรโซน
นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% ในสัปดาห์หน้า และอีกครั้งในเดือนธ.ค.
ส่วนบรรดานักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งข้อมูลจาก LSEG คาดว่าผลประกอบการอาจเพิ่มขึ้น 4.6% จากปีก่อน