ดัชนีดาวโจนส์พลิกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ใกล้ทะลุระดับ 43,000 จุด หลังร่วงลงในช่วงแรกจากแรงขายทำกำไร
ณ เวลา 22.22 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 42,988.72 จุด บวก 124.86 จุด หรือ 0.29%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก
ตลาดจับตาผลประกอบการของแบงก์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์, เน็ตฟลิกซ์ และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิลในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์, การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลาง