ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุด ทะลุระดับ 43,000 จุด หลังร่วงลงในช่วงแรกจากแรงขายทำกำไร
ณ เวลา 23.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,071.41 จุด บวก 207.55 จุด หรือ 0.48%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก
ตลาดจับตาผลประกอบการของแบงก์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์, เน็ตฟลิกซ์ และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิลในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์, การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลาง