ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในวันจันทร์ (14 ต.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเหนือระดับ 43,000 จุดได้เป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก่อนการเปิดเผยผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ขณะที่การซื้อขายในวันจันทร์เป็นไปอย่างเบาบางเนื่องจากตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันโคลัมบัส (Columbus Day)
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,065.22 จุด เพิ่มขึ้น 201.36 จุด หรือ +0.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,859.85 จุด เพิ่มขึ้น 44.82 จุด หรือ +0.77% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,502.69 จุด เพิ่มขึ้น 159.75 จุด หรือ +0.87%
บรรดานักลงทุนจะจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าบริษัท 41 แห่งในดัชนี S&P500 จะรายงานผลประกอบการ
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.8% สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นอาร์ม โฮลดิงส์ (Arm Holdings) ซึ่งพุ่งขึ้น 6.8% และหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ทะยานขึ้น 2.4% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) พุ่งขึ้น 1.4% และหุ้นเติบโต อาทิ อัลฟาเบท (Alphabet), แอปเปิ้ล (Apple), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเทสลา (Tesla) ปรับตัวขึ้น 0.6%-1.6%
บริษัทชั้นนำที่จะรายงานผลประกอบการในวันอังคารนี้ (15 ต.ค.) ได้แก่ แบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America), ซิตี้กรุ๊ป (Citigroup), จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) และยูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ป (UnitedHealth Group)
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนจะรอการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะการเงินของผู้บริโภคสหรัฐฯ