ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันอังคาร (15 ต.ค.) โดยการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถ่วงหุ้นกลุ่มน้ำมันและกลุ่มเหมืองแร่ลง ขณะที่ข้อมูลตลาดแรงงานที่ไร้ทิศทางนั้นทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,249.28 จุด ลดลง 43.38 จุด หรือ -0.52%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 3.5% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุด หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงเกือบ 5% เนื่องจากแนวโน้มอุปสงค์อ่อนแอ และหลังจากสื่อรายงานว่า อิสราเอลจะไม่โจมตีเป้าหมายที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งได้คลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านอุปทาน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อุตสาหกรรม ร่วงลง 3.1% เนื่องจากราคาทองแดงดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยถูกกดดันจากความสับสนเกี่ยวกับขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจในขณะนี้ไปที่ข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ค่าแรงในอังกฤษเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวที่สุดในรอบกว่า 2 ปีในช่วง 3 เดือนจนถึงเดือนส.ค. แต่อัตราการว่างงานลดลงสู่ 4.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้
ตลาดยังคงคาดว่า มีโอกาส 80% ที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในวันที่ 7 พ.ย.
ส่วนข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษที่จะเปิดเผยในวันพุธนี้นั้น ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่า อาจจะลดลงสู่ 1.9% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าเป้าหมายของ BoE ที่ระดับ 2%
บรรดาเทรดเดอร์โดยรวมคาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.37% ภายในสิ้นปีนี้