ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 21.51 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,054.42 จุด ลบ 221.49 จุด หรือ 0.51%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 0.96% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำสถิติปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ รวมทั้งได้ปัจจัยบวกจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 90.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. รวมทั้งให้น้ำหนัก 73.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.
นักลงทุนยังคงจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
บริษัทจำนวน 14% ในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2567 แล้ว โดยบริษัทราว 80% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์