ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (21 ต.ค.) หลังการซื้อขายผันผวน ก่อนการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ แม้ราคาน้ำมันที่ทรงตัวหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 521.52 จุด ลดลง 3.47 จุด หรือ -0.66%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,536.23 จุด ลดลง 76.82 จุด หรือ -1.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,461.19 จุด ลดลง 196.18 จุด หรือ -1.00% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,318.24 จุด ลดลง 40.01 จุด หรือ -0.48%
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นำตลาดร่วงลงเกือบ 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หลังร่วงลง 7% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันทรงตัว
บรรดานักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank), ธนาคารลอยด์ส (Lloyds) และบาร์เคลยส์ (Barclays) ในสัปดาห์นี้
เอสเอพี (SAP) ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของเยอรมนี จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ในวันจันทร์ ซึ่งจะกำหนดทิศทางของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า มีโอกาสมากขึ้นที่โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ซึ่งจะมีผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจยุโรป
หุ้นกลุ่มประกันร่วงลง โดยหุ้นมิวนิก รี (Munich Re) ของเยอรมนีร่วง 3% หลังเจฟเฟอรีส์ (Jefferies) ปรับลดคำแนะนำลงทุนเป็น "ถือ" โดยคาดว่าราคาหุ้นแทบไม่มีแนวโน้มขาขึ้น
หุ้นซาโนฟี (Sanofi) บริษัทผลิตยาของฝรั่งเศส ร่วงเกือบ 1% หลังเปิดเผยว่าได้เจรจาเพื่อขายหุ้น 50% ในธุรกิจโอเพลลา (Opella) ให้กับบริษัทเคลย์ตัน ดูบิลิเออร์ แอนด์ ไรซ์ (Clayton Dubilier & Rice) ของสหรัฐฯ