ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร (22 ต.ค.) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และรอดูการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาอีกเพื่อประเมินสถานะของบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,924.89 จุด ลดลง 6.71 จุด หรือ -0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,851.20 จุด ลดลง 2.78 จุด หรือ -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,573.13 จุด เพิ่มขึ้น 33.12 จุด หรือ +0.18%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับ 4.222% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. ขณะที่นักลงทุนประเมินการคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งใช้อ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐฯ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่าง ๆ จะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 4.2% หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างเรียกร้องให้ใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
แมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก, ลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส, นีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส และเจฟฟรีย์ ชมิด ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตีต่างกล่าวสนับสนุนให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมลดลง 1.19% โดยหุ้นจีอี แอโรสเปซ (GE Aerospace) ร่วง 9% แม้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ ขณะที่ภาวะชะงักงันด้านอุปทานอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวมปรับตัวขึ้น 0.15% โดยหุ้นไมโครซอฟท์ (Microsoft) พุ่ง 2.08%
หุ้นเวอไรซอน (Verizon) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทเลคอมร่วงลง 5.03% หลังเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด
หุ้น 3M ร่วงลง 2.31% แม้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรทั้งปี
หุ้นเจเนรัล มอเตอร์ (General Motors) พุ่ง 9.81% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 สูงเกินคาด ขณะที่หุ้นล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ร่วง 6.12% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด
หุ้นกลุ่มบริษัทก่อสร้างบ้านที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงด้วย โดยดัชนีหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย ร่วง 3.05% หลังหุ้นพัลต์กรุ๊ป (PulteGroup) ดิ่งลง 7.24% แม้เปิดเผยผลกำไรและรายได้สูงเกินคาดก็ตาม
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวผันผวนในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่นักลงทุนพิจารณาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน, ข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ ๆ และผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ตามมาด้วยการประชุมของเฟด
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 89.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนพ.ย.นี้