ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (22 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก ขณะที่แนวโน้มที่แข็งแกร่งของบริษัท SAP ของเยอรมนีหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและช่วยลดช่วงติดลบของตลาดลงบางส่วน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 520.40 จุด ลดลง 1.12 จุด หรือ -0.21%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,535.10 จุด ลดลง 1.13 จุด หรือ -0.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,421.91 จุด ลดลง 39.28 จุด หรือ -0.20% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,306.54 จุด ลดลง 11.70 จุด หรือ -0.14%
การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีส่งผลกดดันตลาดด้วย โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุด
ดัชนี STOXX 600 ทำสถิติสูงสุดหลายครั้งในปีนี้ แต่ปรับตัวลงเมื่อนักลงทุนคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวและมีความต้องการที่ซบเซาจากจีน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีจะไม่มีการเติบโตในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของยูโรโซนโดยรวม
ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนจับตามองในอนาคตได้แก่ การเลือกตั้งในสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. ความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และความตึงเครียดด้านการเมืองในตะวันออกกลางที่ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับอัตราดอกเบี้ยลงประมาณ 1.30% ภายในสิ้นปี 2568 ขณะที่ คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในสหภาพยุโรปอาจลดลงสู่ 2% เร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
หุ้น SAP ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.1% สวนทางตลาด ซึ่งช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขึ้น 0.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรสำหรับทั้งปีจากธุรกิจคลาวด์ที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/2567