ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดร่วงลงกว่า 200 จุด โดยถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงโบอิ้ง โคคา-โคล่า และเทสลา
ณ เวลา 20.34 น. ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 42,666.19 จุด ลบ 258.70 จุด หรือ -0.60%
ตลาดหุ้นถูกกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งซื้อขายที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินความเป็นไปได้เกี่ยวกับขนาดของอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะตัดสินใจปรับลด หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายออกมาแสดงมุมมองระมัดระวังเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ย
การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งใช้อ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐฯ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่าง ๆ จะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
หุ้นสตาร์บัคส์ (Starbucks) ร่วง 2.01% ในช่วงเปิดตลาด หลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการหลังปิดตลาดในวันอังคาร
สตาร์บัคส์มีกำไร 80 เซ็นต์ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่ามากจากตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.03 ดอลลาร์ โดยมียอดขาย 9.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 9.38 พันล้านดอลลาร์
หุ้นโบอิ้ง (Boeing) ลบ 0.04% หลังบริษัทรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิ 6.17 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3/2567 หรือ 9.97 ดอลลาร์ต่อหุ้น มากกว่าที่ขาดทุน 1.64 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.70 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษ (One-time Item) โบอิ้งขาดทุน 10.44 ดอลลาร์ต่อหุ้น มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 10.40 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้ลดลง 1% เหลือ 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 1.81 หมื่นล้านดอลลาร์ เท่ากับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ ในขณะที่เจ้าหน้าที่เฟด มิเชลล์ โบว์แมน และโทมัส บาร์กิน มีกำหนดจะกล่าวสุนทรพจน์ในช่วงต่อไปของวันนี้