ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (23 ต.ค.) หลังการซื้อขายผันผวน โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาดลงมากที่สุด ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของธนาคารดอยซ์แบงก์และบริษัทลอรีอัลกดดันบรรยากาศการซื้อขาย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 518.84 จุด ลดลง 1.56 จุด หรือ -0.30%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,497.48 จุด ลดลง 37.62 จุด หรือ -0.50%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,377.62 จุด ลดลง 44.29 จุด หรือ -0.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,258.64 จุด ลดลง 47.90 จุด หรือ -0.58%
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานร่วงลง 1.4% โดยหุ้นโบลิเดน (Boliden) ของสวีเดนร่วงลง 2.3% หลังยูบีเอส (UBS) ปรับลดคำแนะนำลงทุนเป็น "ขาย" จาก "คงน้ำหนักลงทุน"
หุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปร่วงลง 0.5% โดยหุ้นดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank) ร่วง 2% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์หนี้เสีย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของเยอรมนี
หุ้นลอรีอัล (L'Oreal) ร่วง 2.5% หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านความงามลดลงในจีน และการขยายตัวของธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชะลอตัวลง
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยหุ้นสเตลแลนทิส (Stellantis) พุ่งขึ้น 3%
นอกเหนือจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนแล้ว นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่เป็นไปอย่างสูสีและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางรายใหญ่
ฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนแอของยูโรโซนนั้นทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน
ความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในยูโรโซนอาจสะท้อนในผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสนี้ ขณะที่ดัชนี STOXX 600 แทบไม่มีความเคลื่อนไหวจากระดับที่เข้าทดสอบเป็นครั้งแรกในกลางเดือนพ.ค.ปีนี้